ที่มาของผ้าพันคอ
ประวัติของผ้าพันคอย้อนหลังกลับไปยุคโรม มีผ้าเช็ดหน้าที่ชายชาวโรมันใช้ในการซับเหงื่อที่คอและใบหน้าที่รู้จักกันในชื่อในภาษาละตินว่า Sudarium ชาวโรมันได้พัฒนาผ้าพันคอให้เป็นที่นิยม โดยการใช้ผูกปมเป็นเข็มขัดหรือไม่ก็สวมรอบคอ ซึ่งกระแสนิยมนี้พัฒนาไปสู่ผู้หญิงด้วย และตั้งแต่นั้นมาผ้าพันคอก็เป็นเสมือนความนิยมในหมู่สาวๆ
ผ้าพันคอทำจากผ้าแทนขนสัตว์นั้นเป็นสัญลักษณ์ของตำแหน่งในการสงคราม ในสมัยจักรพรรดิ์จีน Shih Huang Tiและต่อมาก็เป็นที่แพร่หลายในวงการค้าขายชาวโครเอเชี่ยน ซึ่งไม่ใช้ผ้าพันคอขนสัตว์แต่เป็นผ้าพันคอผ้าฝ้ายธรรมดาและใช้ผ้าพันคอผ้าไหมสำหรับทหารหรือพนักงานบริษัท โดยเรียกว่า Kravata ต่อมาชาวฝรั่งเศสเรียกว่า Cravatsใช้เป็นผ้าผูกคอหรือ เน็คไทมีสีสันสวยงามและแตกต่างยิ่งขึ้น แต่มีแนวโน้มกลายเป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองของผู้ประท้วงจนศตวรรษที่ 19 กระแสนิยมในผ้าพันคอหรือเน็คไทกลับมาอีกครั้งและกลายเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มต้องมีอยู่ในตู้เสื้อผ้าจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นที่มาที่ผ้าพันคอและเน็คไทถูกออกแบบมาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกาย ทั้งชาย หญิง และเด็กทั่วโลก
ผ้าพันคอ ในประเทศไทยมีมานาน ตั้งแต่สมัยที่มีการแพร่เข้ามาของวัฒนธรรมยุโรป แต่หายไปเป็นระยะ และมีแฟชั่นคู่รักที่ฝ่ายหญิงยอมอดหลับอดนอนถักผ้าพันคอให้หนุ่มที่รัก สาเหตุอาจเป็นเพราะไทยมิใช่เมืองหนาว อากาศไม่หนาวจนติดลบหรือหิมะตกจนแถบแข็ง ผ้าพันคอ จึงแพร่หลายในประเทศแถบขั้วโลก หรือตอนเหนือเช่น ยุโรป อเมริกา และเอเชียตะวันออกเช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี มากกว่าประเทศแถบเส้นศูนย์สูตร ที่มีสภาพอากาศร้อนยาวนานอย่างในไทย
แต่การที่กระแสแฟชั่นผ้าพันคอมาแรงคงจะหนีไม่พ้น กระแสการแต่งตัวสไตล์เกาหลีหรือที่เรียกกันว่า KPOPของดารานักร้องทั้งเกาหลีและไทย ที่ไหลเรื่อยมาจนถึงฤดูหนาวของบ้านเราพอดิบพอดี อีกทั้งการตีตลาดของผู้ผลิตที่แข่งขันกันอย่างสูงขึ้น ทำให้ผ้าพันคอหลายแบบหลาก สไตล์หาซื้อได้ทั่วไปในที่ชุมชนค้าขาย ถือว่าเป็นความพยายามของพ่อค้าแม่ค้าที่เลียนแบบลวดลายให้โดนใจวัยรุ่น และปรับเปลี่ยนเนื้อผ้าผ้าพันคอให้เหมาะกับสภาพอากาศที่สำคัญคือการลดต้นทุนให้ถูกที่สุดและสามารถขายได้มากที่สุด แต่ก็ไม่ใช่เพียงแค่ตลาดย่อยเท่านั้น ตลาดใหญ่ของสินค้าแบรนด์เนมทั้งหลาย เช่น Hemmes, Etro, Ferrigamo, Marisol Deluna, Emilio Pucci, Nicole Millerก็ไม่ยอมแพ้ ต่างออกแบบผ้าพันคอเอาใจหนุ่มสาวมาดเนียบ ที่พอมีเงินเหลือใช้ทั้งหลาย ได้ใส่อวดโฉมกัน